แมวติดสัตว์หรือช่วงเป็นฮีท (Heat) เป็นช่วงเวลาที่แมวตัวเมียพร้อมที่จะผสมพันธุ์ ในช่วงนี้แมวตัวเมียจะมีพฤติกรรมและอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับแมวติดสัตว์:
1. อาการที่แสดงออก
- เสียงร้องดัง: แมวตัวเมียจะร้องเสียงดังและบ่อยขึ้น เพื่อดึงดูดตัวผู้
- การถูและนวด: แมวจะถูตัวกับวัตถุต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ หรือขาเจ้าของ
- ยกก้นและยกหาง: เมื่อถูกสัมผัสบริเวณหลังหรือก้น แมวจะยกก้นขึ้นและยกหางไปด้านข้าง
- กระพริบตาช้าๆ: แมวจะกระพริบตาช้า ๆ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะผสมพันธุ์
- การฉี่เพื่อทำสัญลักษณ์: บางครั้งแมวจะฉี่เพื่อทำสัญลักษณ์บริเวณต่าง ๆ เพื่อบอกว่าพร้อมผสมพันธุ์
2. ช่วงเวลาที่เป็นฮีท
- ระยะเวลา: แมวจะเป็นฮีททุก ๆ 2-3 สัปดาห์ในช่วงฤดูผสมพันธุ์
- ระยะเวลาฮีท: ช่วงเป็นฮีทจะนานประมาณ 4-7 วัน หากไม่ได้ผสมพันธุ์ จะเริ่มใหม่ใน 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้น
3. การดูแลแมวในช่วงฮีท
- ให้ความสนใจ: ให้เวลาและความสนใจแมวมากขึ้น เพื่อลดความเครียด
- ป้องกันการหลบหนี: ระวังไม่ให้แมวหลบหนีออกจากบ้าน เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์ที่ไม่พึงประสงค์
- เล่นและออกกำลังกาย: การเล่นและออกกำลังกายสามารถช่วยลดพฤติกรรมที่รุนแรงในช่วงนี้
4. การผสมพันธุ์
- การเลือกคู่: หากต้องการให้แมวผสมพันธุ์ ควรเลือกคู่ที่สุขภาพดีและมีการตรวจสอบโรคต่าง ๆ
- การดูแลหลังผสมพันธุ์: หลังผสมพันธุ์ ควรดูแลแมวให้ได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
5. การทำหมัน
- การทำหมัน: หากไม่ต้องการให้แมวผสมพันธุ์ การทำหมันเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อลดปัญหาการเพิ่มประชากรแมวและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
- ประโยชน์ของการทำหมัน: ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งเต้านม และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
การเข้าใจพฤติกรรมและการดูแลแมวในช่วงเป็นฮีทเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของควรทราบ เพื่อให้แมวมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขในช่วงเวลานี้ การดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเครียดและปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อควรระวังพฤติกรรมแมว ความอันตรายที่อาจจะเกิดสำหรับผู้เลี้ยง
ในช่วงที่แมวติดสัตว์หรืออยู่ในช่วงเป็นฮีท มีพฤติกรรมและอันตรายที่ควรระวังสำหรับผู้เลี้ยง ดังนี้:
1. การร้องเสียงดังและบ่อยครั้ง
- เสียงร้องที่ดังและบ่อยครั้ง: แมวในช่วงฮีทจะร้องเสียงดังและบ่อยครั้ง ซึ่งอาจรบกวนความสงบของบ้าน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ผลกระทบต่อสุขภาพ: การนอนไม่พออาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เลี้ยง
2. พฤติกรรมก้าวร้าว
- ความก้าวร้าวต่อแมวตัวอื่น: แมวตัวเมียอาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อแมวตัวเมียตัวอื่น หรือแมวตัวผู้ที่ไม่ต้องการผสมพันธุ์
- ความก้าวร้าวต่อผู้เลี้ยง: แม้ว่าเป็นกรณีที่หาได้ยาก แต่แมวอาจแสดงความก้าวร้าวต่อผู้เลี้ยงโดยการกัดหรือข่วน
3. การหลบหนีออกจากบ้าน
- การพยายามหนีออกจากบ้าน: แมวในช่วงฮีทมีแนวโน้มที่จะพยายามหลบหนีออกจากบ้าน เพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ ซึ่งอาจทำให้แมวหลงทางหรือเกิดอุบัติเหตุได้
- การทำลายทรัพย์สิน: แมวอาจทำลายหน้าต่าง มุ้งลวด หรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เพื่อพยายามออกจากบ้าน
4. การฉี่ทำสัญลักษณ์
- การฉี่ในที่ไม่เหมาะสม: แมวตัวเมียอาจฉี่เพื่อทำสัญลักษณ์ในที่ต่าง ๆ ในบ้าน ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง
- การทำลายเฟอร์นิเจอร์: การฉี่ในที่ไม่เหมาะสมอาจทำลายเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของภายในบ้าน
5. การติดเชื้อและโรคต่าง ๆ
- การผสมพันธุ์กับแมวจรจัด: หากแมวหนีออกไปและผสมพันธุ์กับแมวจรจัด อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ เช่น โรคแมวลิวคีเมีย (Feline Leukemia Virus) หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (Feline Immunodeficiency Virus)
- การทำหมันไม่สมบูรณ์: การทำหมันไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วน อาจทำให้แมวยังคงมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์
6. การดูแลรักษาความปลอดภัยในบ้าน
- การปิดประตูและหน้าต่าง: ควรระวังและปิดประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้แมวหลบหนีออกไป
- การเก็บของที่อาจเป็นอันตราย: เก็บของที่อาจเป็นอันตรายให้พ้นจากการเข้าถึงของแมว เช่น สารเคมี ของมีคม หรือสิ่งของที่แมวอาจกลืนเข้าไป
ช่วงที่แมวเป็นฮีทมีพฤติกรรมและความอันตรายที่ผู้เลี้ยงควรระวัง การเตรียมตัวและการดูแลอย่างใกล้ชิดสามารถช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและทำให้แมวและผู้เลี้ยงมีความสุขและปลอดภัยในช่วงเวลานี้